For a better experience please change your browser to CHROME, FIREFOX, OPERA or Internet Explorer.
นกเลิฟเบิร์ด (Lovebird)

นกเลิฟเบิร์ด (Lovebird)

ในช่วงแรกปี 1840 นกเลิฟเบิร์ด(Lovebird) เป็นนกสายพันธุ์เดียวกับนกแก้ว (Parrot) จึงมักเรียกว่าเป็น Little Parrot ตามประวัติแล้วชาวแอฟริกาเป็นผู้นำเลิฟเบิร์ด(Lovebird) เข้าไปแพร่หลายในทวีปยุโรป และด้วยเอกลักษณ์ของนกชนิดนี้ก็คือ ชอบอยู่เป็นคู่ และจะดูแลกันและกันเป็นอย่างดี จึงเป็นที่มาของชื่อ “Lovebirds” นั่นเอง
ต่อมานกเลิฟเบิร์ดก็แพร่ขยายไปทั่วทั้งในอเมริกาด้วยในศตวรรษที่ 60 เมื่อมีการแพร่ไปมาก จึงเกิดการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ Parrot ก็มีการเรียกชื่อใหม่ ว่าเป็นสายพันธุ์ Agapornis ต่อมา ในช่วงศตวรรษที่ 80 การเลี้ยงนกเลิฟเบิร์ด มีจุดมุ่งหมายก็เพื่อให้ได้สีสันใหม่ๆ ที่สวยงามขึ้น และเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ และมีการผสมกับนกสายพันธุ์อื่น ๆ อีกด้วยจนปัจจุบันนกเลิฟเบิร์ด ได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงภายในครอบครัว และเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

นกเลิฟเบิร์ด จัดเป็นนกแก้วชนิดหนึ่งที่มีตัวเล็ก มีหลายสายพันธุ์แยกได้เป็นทั้งหมด 9 ชนิด มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาและหมู่เกาะมาดากัสการ์ มักอยู่รวมกันเป็นฝูง ปัจจุบันคนไทยได้นำนกชนิดนี้มาเลี้ยงเป็นสัตว์สวยงามกันแพร่หลายและสามารถ เพาะขยายพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี, เลิฟเบิร์ดจัดเป็นนกที่มีเสน่ห์, ขี้เล่น จะอยู่กันเป็นคู่ ที่สำคัญ เป็นนกที่มีนิสัยรักเดียวใจเดียวและมีสีสันที่หลากหลาย ในวงการเลี้ยงนกต่างก็ทราบดีว่าเลิฟเบิร์ดขยายพันธุ์ได้ง่ายทำให้เกิดสีใหม่ ๆ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นกเลิฟเบิร์ด(Lovebirds) อายุโดยเฉลี่ยประมาณ 15 – 20 ปี ประเทศไทยสามารถเพาะพันธ์นกได้ตลอดทั้งปี ที่เพาะขยายพันธุ์และนิยมเลี้ยงในประเทศไทยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ มีขอบตาและไม่มีขอบตา แรกเริ่มจะมีสีอยู่ 2 กลุ่มคือ นกกลุ่มสีเขียวและนกกลุ่มสีฟ้า ปัจจุบันนกกลุ่มสีเขียวได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ไปจนกระทั่งเป็นนกสีเหลือง ส่วนสีบริเวณหน้านกจะเป็นสีแดงในช่วงแรกและถูกพัฒนาจนกระทั่ง เป็นหน้าสีส้ม ส่วนนกกลุ่มสีฟ้าจะถูกพัฒนาไปจนกระทั่งเป็นนกสีม่วงและสีหน้าของนกกลุ่มนี้ จากเดิมจะเป็นสี ได้ถูกพัฒนาพันธุ์เป็นนกหน้าขาว นกเลิฟเบิร์ดในแต่ละสายพันธุ์อาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป

สายพันธุ์ต่างๆ ของนกเลิฟเบิร์ด

1. Peachfaced Lovebird
2. Masked Lovebird
3. Fischer Lovebird
4. Blackcheeked Lovebird
5. Nyasa Livebird
6. Madagascar Lovebird
7. Redfaced Lovebird
8. Abyssinian Lovebird
9. Swindern’s Lovebird

การเลี้ยงดูและการขยายพันธุ์ นกเลิฟเบิร์ด
สถานที่ที่ใช้เลี้ยงนกเลิฟเบิร์ดควรเป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อบทึบ ป้องกันฝนได้ดี แดดสามารถส่องถึงบ้างเล็กน้อย จะเป็นการดี ส่วนลักษณะของกรงที่ดีควรจะ เป็นแบบโรงเรือน กรุด้วยตาข่ายตาถี่ เพื่อป้องกันยุงและแมลงอื่นๆ ภายในจัดวางกรงเพาะเป็นชั้น ๆ และเป็นแถวอย่างมีระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการเรื่องความสะอาด
อุปกรณ์

1. กรงเพาะขนาด กว้าง x ยาว x สูง เท่ากับ 21″ x 32″ x 22″
2. รังฟักสำหรับให้นกเข้าไปวางไข่ และเลี้ยงดูลูกนกจนโต ขนาดโดยประมาณ 7″ x 12″ x 7″ ด้านหนึ่งเจาะรู ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2″ สำหรับเป็นทางเข้าออกของนก อีกด้าน ทำเป็นประตูสำหรับ ผู้เลี้ยงสามารถเปิดดู ไข่และลูกนกได้สะดวก
3. อาหารนก ได้แก่ เมล็ดธัญพืชต่างๆ เช่น มิลเลต ข้าวไรน์ ข้าวเปลือกมะเขือ ฮวยมั้ง (เมล็ดกัญชา) เมล็ดทานตะวัน ข้าวโอ๊ต เป็นต้น ส่วน อาหารเสริม ได้แก่ขนมปังแผ่น ข้าวโพดดิบ ส่วนแคลเซียมมี กระดองปลาหมึก หญ้าขน ใบกระถิน 2 อย่างหลัง สามารถให้ได้ทุกวัน ซึ่งจะดีต่อนกมาก
4. น้ำ ควรเป็นน้ำที่สะอาด จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกวัน และควรผสมวิตามินให้นกได้กินเป็นประจำด้วย

อาหารหลักของนกเลิฟเบิร์ด Lovebird  จะเป็น ธัญพืช เป็นหลักสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด เช่น มิลเล็ตขาว  เมล็ดปอ ข้าวไรท์ ข้าวโอ๊ต ข้าวเปลือก ทานตะวัน

Top Mobile Apps
Mobile Apps